For English please scroll down or Click here
รูปแบบและรายละเอียดต้นฉบับ สำหรับผู้ตีพิมพ์ในเอกสารสืบเนื่องงานประชุม (Proceedings)
แนวปฏิบัติการนำเสนอบทความเพื่อตีพิมพ์
- หากกองบรรณาธิการตรวจพบข้อผิดพลาด หรือ ความไม่สมบูรณ์ในรูปแบบของบทความ บทความนั้นจะถูกส่งกลับไปยังผู้เขียน เพื่อทำการแก้ไขบทความ ในกรณีที่จัดเตรียมถูกต้องตามระเบียบการตีพิมพ์และมีความสมบูรณ์ของรูปแบบจะถูกส่งไปยังผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาที่เกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาคุณค่าและความสมบูรณ์ของเนื้อหาบทความดังกล่าวต่อไป
- ประเภทของบทความ บทความที่จะได้รับพิจารณาตีพิมพ์ในเอกสารสืบเนืองจากงานประชุม เป็นบทความที่มีลักษณะเกี่ยวกับสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ โดยแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภท ดังนี้
- บทความทางวิชาการโดยทั่วไป เป็นบทความทางวิชาการที่นำเสนอเนื้อหาสาระทางวิชาการที่ผ่านการวิเคราะห์และประมวลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ประกอบด้วย ความนำ เนื้อเรื่อง ซึ่งแบ่งเป็นประเด็นหลัก ประเด็นรอง ประเด็นย่อย และบทสรุป ความยาวไม่เกิน 25 หน้า
- บทความวิจัย เป็นบทความที่เกิดจากการวิจัยของผู้เขียนหรือสมาชิกร่วมในงานวิจัยนั้น ประกอบด้วย ความเป็นมาและความสำคัญของปัญหา วัตถุประสงค์ สมมุติฐานของงานวิจัย ขอบเขตที่ครอบคลุมในการวิจัย ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง วิธีดำเนินการวิจัย (ประกอบด้วยข้อมูลประชากร กลุ่มตัวอย่าง การสุ่มตัวอย่าง เครื่องมือการวิจัย และเก็บรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล ทั้งนี้ ในกรณีงานวิจัยทางประวัติศาสตร์ ปรัชญา วรรณกรรมวิจารณ์หรือวรรณคดีเปรียบเทียบ ตลอดจนสาขาวิชาในด้านมนุษยศาสตร์อื่นๆ จะต้องระบุวิธีการวิจัยอันสัมพันธ์กับสาขาวิชาที่เกี่ยวข้องของตนอย่างชัดเจน) ผลการวิจัย (สรุปผลการวิจัย อภิปรายผลและข้อเสนอแนะ) ความยาวไม่เกิน 25 หน้า
- บทความที่จะได้รับการตีพิมพ์ต้องไม่เคยตีพิมพ์ที่ใดมาก่อน และต้องไม่อยู่ในระหว่างการเสนอเพื่อพิจารณาตีพิมพ์ในเอกสารสืบเนื่องจากการประชุม (Proceedings) หรือ วารสาร อื่น
- บทความที่จะได้รับการตีพิมพ์ต้องผ่านการกลั่นกรองและประเมินคุณภาพจากผู้ทรงคุณวุฒิอ่านทบทวนบทความ (Peer Review)
รายละเอียดต้นฉบับ
- ต้องระบุชื่อบทความ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
- ขนาดความยาวของเนื้อหารวมอ้างอิงไม่ควรเกิน 30 หน้า (หรือ 8,000 คำในกรณีบทความภาษาอังกฤษ) พิมพ์ด้วยโปรแกรม Microsoft Word (กรุณาใช้ฟอนต์ Browallia New, ขนาด 16 points และใช้ตัวเลขอารบิก)
- บทความต้องมีบทคัดย่อทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ (ระหว่าง 100-150 คำ) คำสำคัญไม่เกิน 5 คำ และประวัติผู้เขียน (ไม่เกิน 100 คำ)
- การเขียนอ้างอิงให้ใช้แบบแทรกในเนื้อหา (parenthetical in-text citation) และใช้รูปแบบนาม-ปี (author-date formatting) ตามที่กำหนดไว้ในบทที่ 15 ของ The Chicago Manual of Style, 17th edition (Chicago: University of Chicago Press, 2017) หรือ www.chicagomanualofstyle.org โดยให้ระบุเฉพาะนามสกุลในกรณีเอกสารที่เขียนโดยชาวต่างชาติ และระบุเฉพาะชื่อในกรณีเอกสารที่เขียนโดยชาวไทย ยกเว้นกรณีที่มีเอกสารของผู้เขียนชื่อเดียวกันซ้ำในรายการอ้างอิง ทั้งนี้อาจดูตัวอย่างการอ้างอิงได้จาก The Journal of Asian Studies ของสมาคมเอเชียศึกษาแห่งสหรัฐอเมริกา (Association for Asian Studies - AAS) ดังที่ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของสำนักพิมพ์เค็มบริดจ์ www.cambridge.org/core/journals/journal-of-asian-studies
- ในกรณีที่บทความมีการถอดเสียงภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาฝรั่งเศส ให้ผู้เขียนยึดหลักเกณฑ์การถอดเสียงจากราชบัณฑิตยสถาน
- รูปภาพ ตาราง และแผนภูมิ ให้บันทึกเป็นไฟล์ภาพ (bitmap, png, jpg) แยกต่างหาก เพื่อคุณภาพของภาพในการพิมพ์ ควรมีค่าความละเอียด 300 DPI หรือ ความละเอียดขั้นต่ำ 1024x768 (786,432 px) โดยแยกบันทึกไฟล์ ที่เป็นคำอธิบาย (caption) ของแต่ละภาพออกมาต่างหาก
- รูปภาพ ตาราง และแผนภูมิ ที่ใช้ประกอบในบทความ ต้องเป็นภาพที่ผู้เขียนบทความสร้างสรรค์ขึ้นเอง หรือเป็นภาพที่ไม่มีลิขสิทธิ์ การนำรูปภาพ ตาราง แผนภูมิมาใช้โดยการอ้างอิง หรือมีลิขสิทธิ์ ต้องมีเอกสารอนุญาตการใช้ชิ้นงานดังกล่าวเพื่อการตีพิมพ์เผยแพร่ประกอบด้วย
- ในการเขียนอ้างอิงภาษาไทย ให้ผู้เขียนแปลเอกสารอ้างอิงภาษาไทยดังกล่าวเป็นภาษาอังกฤษด้วย โดยแยกออกมาต่อท้ายกับของการอ้างอิงเอกสารภาษาไทย ภายใต้หัวข้อ Translated Thai References และเรียงตามตัวอักษรตามหลักบรรณานุกรมปกติ (ดูตัวอย่างได้จาก วารสารฯ ฉบับที่ 13.2 หรือ 14.1)