ยินดีต้อนรับจากใจ-สารจากคณบดี ฉบับที่ 1

Dean Talkพูดคุย...และก้าวไปด้วยกัน"พูดคุย...และก้าวไปด้วยกัน"

พูดคุย...และก้าวไปด้วยกัน"

เนื่องในโอกาสที่ 2 ของการกลับมาดำรงตำแหน่ง คณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ดิฉันมีพลังและความมุ่งมั่นอย่างเต็มเปี่ยมที่จะสร้างความแตกต่างเชิงสร้างสรรค์ ให้เกิดแก่ นิสิต คณาจารย์ บุคลากร และสังคม ดิฉันเชื่อมั่นว่า คณะของเราจะประสบความสำเร็จได้ด้วยการสร้างไมตรีจิตที่ดีต่อกัน การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบ และมีความมุ่งหวังอย่างแรงกล้าในการพัฒนาคุณภาพของงานให้สูงยิ่งขึ้น ด้วยยุทธศาสตร์และวิสัยทัศน์ที่ชัดเจน และจรรยาบรรณที่วางอยู่บนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล เพื่อให้บุคลากรในคณะทุกท่านได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นระบบ มีสวัสดิการที่ดี  พัฒนาศักยภาพทางวิชาการขั้นสูงสำหรับคณาจารย์ และจัดเตรียมระบบสนับสนุน และการมีส่วนร่วมในชุมชนให้แก่นิสิต เพื่อเตรียมพวกเขาให้พร้อมสำหรับการประกอบอาชีพ ซึ่งดิฉันมีความเชื่อมั่นว่าคณะของเราจะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกัน

พวกเราจะพยายามในทุกทางเพื่อสร้างความมั่นใจว่า บัณฑิตจะเป็นผู้ที่มีศักยภาพ และมีส่วนช่วยเหลือสมาชิกในสังคม พวกเราสามารถสนับสนุนการศึกษาในระดับบัณฑิตศึกษา เพื่อให้บัณฑิตสามารถใช้ชีวิต ทำงาน และแข่งขันในโลกที่ซับซ้อนมากขึ้น ด้วยความดูแลและเอาใจใส่จากคณาจารย์ และบุคลากร คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ที่จะให้การสนับสนุนต่อการกำหนดเป้าหมายในชีวิตของตนเอง และประสบผลสำเร็จตามฝันที่ตั้งใจไว้

วิสัยทัศน์ใน 4 ปี ต่อจากนี้ไปคือ “เป็น 1 ใน 10 ของคณะสังคมศาสตร์ที่ดีที่สุดของประเทศไทยภายในปี พ.ศ.2560” ซึ่งในช่วงสี่ปีข้างหน้านี้ คณะของเราจะต้องพัฒนาให้เกิดความก้าวหน้าทางความคิด การเรียนรู้ และแสวงหาโอกาสที่จะสร้างความร่วมมือในระดับนานาชาติ

ดิฉันหวังว่านิสิตทุกคนจะเข้ามามีส่วนร่วมและตระหนักในพันธกิจที่คณะได้ตั้งไว้ ผ่านการคิดอย่างเป็นระบบ ความตระหนักต่อสภาพสังคม การเมือง การพัฒนาสังคม และการมีสุขภาวะทางกายและจิตที่ดี ในฐานะนิสิต นิสิตมีโอกาสจะได้รับการพัฒนาศักยภาพการเป็นผู้นำ ทักษะด้านการวิจัย ความสามารถด้านภาษาต่างประเทศ การเป็นอาสาสมัครเพื่องานชุมชน เข้าร่วมกิจกรรมทางสังคม โดยกระบวนการทำงานร่วมกัน ข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่านิสิตคณะสังคมศาสตร์ มีโอกาสที่จะเพิ่มศักยภาพเหล่านี้ทั้งในชั้นเรียน การร่วมกิจกรรมในรั้วมหาวิทยาลัย และการทำงานในภาคสนาม

ด้วยการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่าย ดิฉันมีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งในภารกิจ และให้การสนับสนุนต่างๆ โดยถือเป็นความซาบซึ้งอย่างยิ่งตลอดช่วงปีการศึกษานี้ ซึ่งเราจะได้ปฏิบัติงานด้วยกันเพื่อพัฒนาและปรับปรุงระบบการศึกษา

ในนามของคณาจารย์ และบุคลากร ของคณะสังคมศาสตร์ ดิฉันรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่ได้กล่าวต้อนรับนิสิตใหม่ ประจำปีการศึกษา 2557 ประสบการณ์ด้านการสอนและการวิจัยของดิฉันที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า การวางแผนและทีมงานที่ดี ย่อมมีส่วนช่วยให้นิสิตบรรลุศักยภาพในระดับสูงได้ ดิฉันพร้อมทั้งคณาจารย์ และบุคลากรของคณะฯ จักได้ดำเนินการจัดเตรียมการเรียนการสอนให้ดีที่สุดเพื่อความสำเร็จของนิสิตทุกคน

ดิฉันมุ่งหวังด้วยใจจริงว่า หากทุกท่านได้ศึกษาข้อมูลบนเว็บไซต์ของคณะฯ และรับรู้ถึงโอกาสที่จะเอื้อประโยชน์ต่อนิสิต ซึ่งเป็นเสมือนหนึ่งสมาชิกในครอบครัว และในฐานะทีมทำงานของเรา ดิฉันเชื่อมั่นว่า ปีการศึกษาที่จะมาถึงนี้ จะเป็นอนาคตที่สดใส และมหาวิทยาลัยของเราจะมีความโดดเด่น อนึ่ง ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การทำงานร่วมกับทีมบริหาร คณาจารย์ บุคลากร นิสิต และชุมชนโดยรอบ เพื่อสร้างธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีด้านความเป็นเลิศทางวิชาการ โดยความร่วมมือจากทุกฝ่าย จะทำให้คณะของเราเป็นคณะที่สามารถสร้างนวัตกรรมทางสังคม เพื่อสังคมที่มีความยั่งยืนต่อไป

นโยบายและแผนยุทธศาสตร์การดำเนินงานของคณะสังคมศาสตร์ ปี พ.ศ. 2557-2560

     วิสัยสัยทัศน์ของคณะสังคมศาสตร์นี้ ถูกพัฒนาขึ้นจากองค์ประกอบพื้นฐาน 5 ประการ ได้แก่

  1. งานวิจัยสถาบันของคณะสังคมศาสตร์ ปี พ.ศ.2546- 2556
  2. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี พ.ศ.2555-2559
  3. แผนพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษา ฉบับที่ 11 (พ.ศ.2555-2559)
  4. แผนยุทธศาสตร์มหาวิทยาลัยนเรศวร ปี พ.ศ.2557
  5. รายงานการประเมินตนเองของคณะสังคมศาสตร์ ปี พ.ศ.2557

เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ของการเป็นคณะที่มีความโดดเด่นด้านการวิจัยและมีความเป็นเลิศด้านองค์กรแห่งนวัตกรรมทางสังคมในปี พ.ศ.2560 ดิฉันได้กำหนดนโยบายหลัก 5 ประการ ซึ่งมียุทธศาสตร์และตัวชี้วัด ดังนี้

  1. นโยบายด้านการบริหาร วางอยู่บนพื้นฐานของหลักธรรมาภิบาล 6 ประการ ได้แก่ 1) หลักนิติธรรม 2) หลักคุณธรรม 3) หลักความโปร่งใส 4) หลักการมีส่วนร่วม 5) หลักความรับผิดชอบ และ 6) หลักความคุ้มค่า
  2. นโยบายด้านการเรียนการสอน มุ่งเน้นที่การพัฒนามาตรฐานการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาของนิสิต คณาจารย์ และนิสิตระดับปริญญาตรีเพื่อศึกษาต่อในระดับนานาชาติ
  3. นโยบายด้านการวิจัย มุ่งพัฒนานวัตกรรมทางสังคมบนพื้นฐานของการจัดการความรู้    การบรูณาการด้านการเรียนการสอนเข้ากับการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม โดยมุ่งเน้นในระดับปฏิบัติการทางสังคม ระบบฐานข้อมูลของงานวิจัย สถานวิจัยนวัตกรรมสังคมเพื่อความเป็นเลิศในสาขาสังคมศาสตร์ ซึ่งจะดำเนินการเผยแพร่องค์ความรู้ในปีถัดไป
  4. นโยบายด้านการบริการวิชาการสู่สังคม ดำเนินการยกระดับจิตสำนึกสาธารณะ การเรียนรู้อย่างยั่งยืน และสร้างเครือข่ายทางสังคมที่เข้มแข็ง ทั้งในระดับชุมชนท้องถิ่นและในระดับนานาชาติ
  5. นโยบายด้านการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม มุ่งเน้นที่การสร้างองค์ความรู้ที่เป็นเอกลักษณ์ในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง สร้างความร่วมมือด้านกิจกรรมโดยดำเนินการภายใต้บริบทของชุมชน คุณค่า และความต้องของชุมชนต่อการใช้ประโยชน์

พูดคุย...และก้าวไปด้วยกัน"

      กว่า 30 ปีที่ ดิฉันได้ร่วมงานในองค์กรต่างๆ แม้ว่าดิฉันเคยผ่านงานทางด้านการบริหารมาหลายปี เริ่มตั้งแต่ หัวหน้าโครงการ ผู้อำนวยการแผนงาน รองผู้อำนวยการสถาบัน รองคณบดี หัวหน้าภาควิชา จนกระทั่งดำรงตำแหน่งคณบดีคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ในปี พ.ศ. 2546 และอีกครั้งในปี พ.ศ. 2557 ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีและท้าทายมากที่สุด ไม่เพียงเพราะพวกเราทั้งหมดอยู่ภายใต้ข้อจำกัดจากสถานการณ์การเมือง และความไม่มั่นคงทางสังคมและวัฒนธรรมในขณะนี้ แต่เรายังต้องเผชิญหน้ากับการลดลงของทรัพยากรธรรมชาติ และแรงกดดันจากนานาประเทศต่อปัญหามากมาย อาทิ การค้ามนุษย์ รัฐประหาร การทุจริตคอรัปชั่น อาชญากรรม และความขัดแย้งของคนในชาติ

เชื่อเถอะค่ะว่า การดำรงตำแหน่งคณบดีคณะสังคมศาสตร์ ภายใต้สภาวการณ์เช่นนี้ ไม่ง่ายเลย ยิ่งกว่านั้น การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประชาคมอาเซียน และบรรยากาศทางการแข่งขันในระดับโลก ทำให้เราจำเป็นต้องมีแผนยุทธศาสตร์ที่ดี การจัดยุทธศาสตร์องค์กรที่เหมาะสม และต้องแสวงหาความร่วมมือจากองค์กรต่างๆ ดังนั้น 4 ปีต่อจากนี้ไป ดิฉันจะมุ่งดำเนินการตามนโยบายที่วางไว้ให้ประสบผลสำเร็จ ขณะที่หลายคนคิดว่าสิ่งเหล่านี้อาจใช้เวลากว่าทศวรรษ เมื่อครั้งที่ประธานาธิบดี โทมัส เจฟเฟอร์สัน ก่อตั้ง มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนียในช่วงปี ค.ศ.1819 เขาเสนอว่า “มนุษย์ย่อมมีอิสระภาพทางความคิดโดยไม่ถูกพันธนาการ เพื่อสำรวจและเปิดเผยประเด็นที่อ่อนไหวอย่างมีวิจารณญาณ” แนวคิดนี้ได้ถูกเผยแพร่ไปนานนับทศวรรษ เป็นที่น่าสังเกตว่า แนวคิดนี้มีอิทธิพล ต่อการใช้ชีวิตในมหาวิทยาลัย ที่มุ่งให้เกิดการสำรวจค้นคว้า อย่างใคร่ครวญในเวลาต่อมา

ดิฉันหวังว่า คณะสังคมศาสตร์ ซึ่งเสมือนบ้านของพวกเราทุกคนจะเป็นสถานที่ซึ่งดีที่สุด และสร้างประสบการณ์ที่มีความสุขสำหรับทุกคน บนพื้นฐานของความรัก ความไว้เนื้อเชื่อใจ การมีส่วนร่วม และจรรยาบรรณทางวิชาชีพ การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการประสบความสำเร็จในการเรียนรู้ระดับสูงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเพื่อนิสิต แต่ยังประโยชน์ต่อคณาจารย์ และบุคลากรทุกคน โดยดิฉันตั้งใจว่า ในการเรียนรู้ในระดับที่สูงขึ้นนี้ การสร้างความเสมอภาคต่อการแสดงความคิดเห็น รับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ จากมิตรภาพอันดี คือกลไกที่สำคัญ…

“ก้าวไปพร้อมกัน แลกเปลี่ยนทัศนะต่อกัน...ไม่มีอะไรที่เราจะทำไม่ได้”

English Edition