ใต้ร่มราชพฤกษ์:

คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ร่วมนำเสนอแนวทางความร่วมมือในการประชุม Thai–UK Education Partnership Seminar and Networking Event 2025

วันที่ 4 พฤศจิกายน 2568

คณะผู้บริหารคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร นำโดย

– ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.นภิสา ไวฑูรเกียรติ   คณบดีคณะสังคมศาสตร์

– อาจารย์พงศ์ศิร คงแถวทอง   ผู้ช่วยคณบดี

ได้เข้าร่วมกิจกรรม “Thai–UK Education Partnership Seminar and Networking Event 2025”

จัดโดย British Council ประเทศไทย ณ Assent Room, ชั้น 4, etc.venues County Hall, London

ซึ่งเป็นเวทีสำคัญในการสร้างเครือข่ายความร่วมมือทางการศึกษาระหว่างสถาบันอุดมศึกษาไทยและสหราชอาณาจักร

การประชุมครั้งนี้เปิดโอกาสให้

– ผู้แทนจากกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) และมหาวิทยาลัยไทย นำเสนอทิศทางและนโยบายการพัฒนาการศึกษาระดับอุดมศึกษาไทย

– มหาวิทยาลัยในสหราชอาณาจักรได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับโอกาสความร่วมมือด้านการเรียนการสอน การวิจัย และการแลกเปลี่ยนนักศึกษา

– ผู้บริหารจากทั้งสองประเทศได้พบปะและหารือแบบตัวต่อตัว (One-to-one meetings) เพื่อสร้างความร่วมมือในระดับสถาบัน

โดยคณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ร่วมบรรยายในหัวข้อแนวโน้มและโอกาสความร่วมมือทางวิชาการระหว่างไทย–สหราชอาณาจักร ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาไทยอีก 7 แห่ง ได้แก่

  1. มหาวิทยาลัยเซาธ์อีสท์บางกอก
  2. มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
  3. มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
  4. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ
  5. มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
  6. มหาวิทยาลัยราชภัฏสุราษฎร์ธานี
  7. มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

โดยมี นายอมรศักดิ์ กิจธนานันท์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และประธานกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภาไทย – สหราชอาณาจักรฯ ร่วมกิจกรรม

ในช่วงบ่าย มีการจัด “Networking and One-to-one Meetings” ระหว่างผู้แทนมหาวิทยาลัยไทยและสถาบันอุดมศึกษาชั้นนำจากสหราชอาณาจักรมากกว่า 30 แห่ง อาทิ

University of Birmingham, University of Nottingham, King’s College London, University College London, University of Surrey, University of Glasgow และ University of Leicester

กิจกรรมในครั้งนี้นับเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร ได้ประชาสัมพันธ์ศักยภาพของคณะและมหาวิทยาลัยในระดับนานาชาติ ตลอดจนแลกเปลี่ยนแนวทางความร่วมมือเพื่อยกระดับการศึกษาของไทยให้ทัดเทียมในเวทีโลก